นี่คือ 9 สิ่งที่จะเกิดขึ้น หากมนุษย์ทุกคนบนโลก หายไปทั้งหมดตอนนี้

2191

เชื้อสายของมนุษย์ถูกแยกออกจากบรรพบุรุษ อย่างชิมแพนซี จนถือกำเนิดมาประมาณ 2 แสนปีที่แล้ว และพัฒนาการเป็นโฮโมเซเปียน ปัจจุบันมนุษย์บนโลกมีจำนวนสูงกว่า 7 พันล้านคนและคงไม่มีใครคิดว่ามนุษย์จะสูญหายไปจากโลกทั้งหมด

แต่ถ้าวันหนึ่งมนุษย์ทุกคนหายไปจากโลก จนไม่เหลือใครเลย โลกของเราใบนี้จะเป็นเช่นไร ลองไปชมกัน

1. หลังจากไม่กี่ชั่วโมง

 

ถ้ามนุษย์หายไปหมดโลกในทันที ผลกระทบแรกที่จะเกิดก็คือ ไฟฟ้าทั้งหมดจะดับลงภายในไม่กี่ชั่วโมง เนื่องจากสถานีไฟฟ้าทั่วโลกจะทำงานโดยเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ (เชื้อเพลิงที่เกิดจากกระบวนการธรรมชาติ เช่น ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ น้ำมัน) ที่ใช้แรงงานคนควบคุม จะไม่สามารถทำงานต่อไปได้อีก โลกจะมืดมิดเกือบทั้งหมด แต่พลังงานจากแสงอาทิตย์และกังหันลมจะทำงานต่อไปได้

2. หลังจากไม่กี่วัน

 

แต่ในเมื่อไม่มีใครดูแล พลังงานจากแสงอาทิตย์และกังหันลมจะหมดลงภายใน 48 ชั่วโมง พลังงานบนโลกทั้งหมดจะหยุดทำงาน สัตว์เลี้ยงตามบ้านจะหิวโหยและเกิดภาวะขาดน้ำ เนื่องจากถูกขังไว้ในบ้าน อุโมงค์รถไฟใต้ดินทั้งหลายจะถูกน้ำท่วม เนื่องจากไม่มีมนุษย์มาคอยควบคุมปั๊มที่ทำให้อุโมงค์แห้ง

 

3. หลังจากไม่กี่สัปดาห์

 

สัตว์เลี้ยงตามบ้านจะตายจากการขาดอาหารและไม่สามารถเอาชีวิตรอดจากการใช้ชีวิตข้างนอกได้เนื่องจากสภาพร่างกายไม่เอื้ออำนาย สัตว์เลี้ยงหลายพันธุ์เช่น บูลด็อกและเทอร์เรียจะตายหมด หมาใหญ่จะอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเพื่อความอยู่รอดและออกล่าสัตว์ที่เล็กกว่า สัตว์เลี้ยงของมนุษย์ทั้งหลายจะกลายเป็นเหยื่อของสัตว์ใหญ่ที่มีชีวิตรอดในช่วงนี้ สัตว์ในสวนสัตว์จะตาย บางส่วนที่หนีมาได้จะกลับมากลายเป็นนักล่าอีกครั้ง

 

4. หลังจากไม่กี่เดือน

 

น้ำที่ช่วยทำความเย็นให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะเหือดแห้งไป และนั่นจะเป็นสาเหตุให้เกิดการระเบิดขึ้น สัตว์และพืชนับล้านๆ จะตายจากมะเร็งเนื่องจากรังสีจากการระเบิด ระบบบำบัดน้ำเสียที่เชื่อมต่อกับโรงไฟฟ้าจะหยุดการทำงาน ทำให้แม่น้ำและทะเลสาบเต็มไปด้วยของเสีย ระบบนิเวศทั้งหมดถูกทำลาย สารเคมีจากโรงงานจะถูกปล่อยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ก๊าซธรรมชาติจะทำให้เกิดไฟป่าลุกลามไปนานหลายวัน

 

5. หลังจาก 1 ปี

 

เมื่อเวลาผ่านไป 1 ปี ธรรมชาติจะเริ่มสร้างตัวมันเองขึ้นมาใหม่จากการไม่ถูกลุกล้ำโดยมนุษย์ ถ้าโชคดี โลกจะฟื้นตัวขึ้นกลับมาอีกครั้งหลังเกิดระเบิดนิวเคลียร์ สารเคมี และก๊าซธรรมชาติ แต่บรรดาขยะต่างๆ เช่นพลาสติกหรือขยะอิเล็กทรอนิกส์ จะถูกพบกระจัดกระจายตามทางน้ำผ่าน สถาปัตยกรรมขนาดใหญ่อย่างสะพานหรือตึกจะเริ่มพุพังเมื่อไร้การดูแล ดาวเทียมหลายพันดวงจะตกลงสู่โลก จนเกิดปรากฏการณ์คล้ายฝนดาวตก

 

6. หลังจาก 25 ปี

 

เมื่อไม่มีมนุษย์มาคอยตัดต่อพันธุกรรมพืชที่ทำให้พวกมันโตง่ายและใหญ่โต พืชบนโลกนี้ก็จะเริ่มเปลี่ยนไป มันอาจใช้เวลากว่า 2 ทศวรรษ แต่บรรดาพืชพันธุ์จะเริ่มย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นของมัน ตึกและถนนจะถูกปกคลุมไปด้วยหญ้าและต้นไม้ ในเมื่อพืชเพิ่มจำนวนมากขึ้น ก็กลายเป็นแหล่งอาหารของสัตว์หลายชนิด พวกมันก็จะเข้ามายึดบ้านและตึกที่ทรุดโทรม เมืองอย่างเวกัสและดูไบ จะกลับไปสู่ธรรมชาติที่เต็มไปด้วยทรายจากทะเลทรายอีกครั้ง และเมื่อไม่มีมลพิษที่เกิดจากมนุษย์ ทัศนวิสัยในเมืองต่างๆ จะมองเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น

 

7. หลังจาก 300 ปี

 

สัตว์จะครองโลก สัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์อย่างช้างจะมีจำนวนมากขึ้นเพราะไม่ถูกล่างาอีกต่อไป สัตว์ที่ติดอยู่ในสวนสัตว์บางชนิดอาจเพิ่มจำนวนในดินแดนที่ไม่ใช่บ้าน การแพร่กระจายของสัตว์จะเกิดขึ้นทั่วโลก ช้างและสิงโตที่เคยมีแอฟริกาเป็นบ้าน อาจไปเร่ร่อนอยู่แถวแมนฮัตตัน โลกใต้ทะเลจะอุดมสมบูรณ์เนื่องจากไม่มีมนุษย์มารุกราน

8. หลังจาก 10,000 ปี

 

ซากเมืองรวมถึงสิ่งที่ระบุการมีอยู่ของมนุษย์จะหายไปจากโลก เหลือเพียงแค่ซากหินจากสิ่งก่อสร้างไม่กี่ก้อน ส่วนพีระมิด กำแพงเมืองจีน ภูเขารัชมอร์จะยังอยู่รอดให้เห็นต่อไป หรืออาจเป็นเพียงสัญลักษณ์ว่า เคยมีมนุษย์อยู่บนโลกใบนี้

 

9. หลังจาก 50 ล้านปี

 

สิ่งเดียวที่จะอยู่รอดหลังจากมนุษย์หายไป 50 ล้านปีคือ พลาสติก มนุษย์ต่างดาวจากที่ไหนสักแห่งที่มาเยือนโลกเราจะงุนงงกับพลาสติกที่พวกเขาพบในฟอสซิล มันอาจจะต้องใช้เวลาอีกสัก 50 ล้านปี ที่พลาสติกเหล่านี้จะย่อยสลายไป และอาจเหลือเพียงแค่ร่องรอยว่าครั้งหนึ่ง เคยมีมนุษย์ครอบครองโลกใบนี้อยู่

 

ที่มา : khaosara