13 เรื่องราวเบื้องหลังโลโก้แบรนด์ดัง ที่ไม่เคยรู้มาก่อน

1218

การออกแบบโลโก้ให้กับแบรนด์อะไรสักอย่าง เหล่าคนทำงานด้านครีเอทีฟคงจะทราบกันดี ว่าจะต้องผ่านขั้นตอนกระบวนการคิดมากมาย และภายใต้โลโก้ของแต่ละบริษัทมักมีความหมายบางอย่างซ่อนอยู่เต็มไปหมด แม้คนภายนอกจะมองว่ามันเป็นเพียงโลโก้ที่แสนธรรมดา วันนี้เราจึงได้นำเบื้องหลังบางอย่างที่แอบซ่อนภายใต้โลโก้แบรนด์ดังมาให้ทุกท่านได้ชมกัน พร้อมแล้วไปชมกันเลย

1. Android

เป็นโลโก้รูปหุ่นยนต์ ที่สามารถจดจำได้ง่าย เป็นงานที่ อิรินา บล็อค กราฟฟิคดีไซเนอร์และทีมของเธอได้รับมอบหมายให้ออกแบบมา และเธอได้แรงบันดาลใจมาจากสัญลักษณ์ประตูห้องน้ำสาธารณะนั่นเอง

2. McDonald’s

หลุยส์ เชสกิน นักจิตวิทยาที่ทางแม็คโดนัลด์จ้างให้ช่วยปรับโลโก้เดิมที่มีอยู่ตอนนั้น ในปี 1962 ที่เรียกว่า Speedee the Cook และเชสกินได้แนะนำให้เปลี่ยนมาใช้ตัวอักษร M สีทอง ลักษณะโค้งเหมือนหน้าอกผู้หญิงโดยเขาบอกว่ามันเป็นการกระตุ้นให้อยากอาหาร และรู้สึกคิดถึงความสุขในวัยเด็ก

3. Apple

จากความเชื่อผิดๆ ที่บอกว่า โลโก้แอปเปิ้ลที่มีรอยกัดเป็นการอุทิศให้กับ อลัน ทัวริง บิดาของวิทยาการคอมพิวเตอร์ ซึ่งความจริงคือ ผู้ออกแบบโลโก้อย่าง ร็อบ จานอฟฟ์ กล่าวว่า เพื่อไม่ให้มองเป็นผลไม้อื่น จึงทำให้มีรอยกัดขึ้นมา

4. Ferrari

เฟอร์รารีที่มีโลโก้เป็นรูปม้า อาจเกี่ยวข้องกับคำว่า แรงม้า แต่นั่นไม่ใช่ความเชื่อที่ถูกต้อง เพราะความจริงคือ มีการระบุว่าภาพเงาย้อนแสงของม้านี้ที่อยู่ด้านข้างเครื่องบินของนักบินมือหนึ่งชาวอิตาลี อย่าง ฟรานเชสโก บารัคกา โดยเป็นสัญลักษณ์ที่เอ็นโซ่ ได้มาจากแม่ของฟรานเชสโก เมื่อเขาชนะการการแข่งขันรถในรายการหนึ่ง ทำให้ “เฟอร์รารี” กลายสัญลักษณ์ที่ทุกคนรู้จักกัน

5. Lacoste

ระหว่างที่ เรเน ลาคอสต์ นักเทนนิสชื่อดังชาวฝรั่งเศสกับ อลัน มัวร์ ซึ่งเป็นกับตันทีมของเขา เดินไปบนถนน ลาคอสต์ จึงได้ท้า มัวร์ ว่าหาก ลาคอสต์ชนะ มัวร์ ต้องซื้อกระเป๋าหนังใบหนึ่งที่เขามองเห็นจากหน้าต่างร้านค้าหนึ่งให้

แต่ผลปรากฏว่าลาคอสต์แพ้ แต่ดันมีนักข่าวได้ยินที่พวกเขาท้ากันระหว่างเดินบนถนน และนำไปพาดหัวข่าวว่า “นักเทนนิสผู้ไม่เคยชนะ แต่เขาต่อสู้ได้อย่างกับจระเข้” จึงเป็นที่มาของโลโก้ และเขาได้ก่อตั้งบริษัทและทำโลโก้เป็นรูปจระเข้อออกมา

6. BMW

หลายคนเชื่อว่าโลโก้ BMW มาจากใบพัดเครื่องบิน แต่ความจริงมาจากสีธงประจำรัฐบาวาเรีย ในประเทศเยอรมนี ที่มีอาณาเขตใหญ่ที่สุด และเป็นต้นกำเนิดของแบรนด์ BMW นั่นเอง

7. Nike

นี่เป็นหนึ่งในโลโก้ที่มีราคาถูกที่สุด ในมูลค่าเพียง 35 เหรียญ ในปี 1971 ฟิล ไนท์ เจ้าของบริษัทไนกี้ ได้จ้าง นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐพอร์ทแลนด์ชื่อ แคโรลิน เดวิดสัน เพื่อออกแบบโลโก้บริษัท ซึ่งเขาไม่ค่อยพอใจกับโลโก้นี้นัก แต่โลโก้ที่เรียบง่ายนี้ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเทพธิดา Nike เทพแห่งชัยชนะของชาวกรีก แต่กลับเป็นโลโก้ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในศตวรรษที่ 20

8. Starbucks

ภาพของนางเงือกถือหางของตัว เป็นสัญลักษณ์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากตำนานเทพนิยาย Melusine นางเงือกที่แต่งงานกับมนุษย์ และต่อมาปรับใหม่ให้เห็นเพียงส่วนบนเท่านั้น

9. Uber

อูเบอร์ เพิ่งเปลี่ยนโลโก้จากตัว U เป็นสัญลักษณ์บางอย่างที่อูเบอร์เรียกว่ากับ “บิต” หรือ “อะตอม” โดยทางบริษัทระบุว่า ในโลกแห่งเทคโนโลยี บิตคือหน่วยที่เล็กที่สุด คือมีแค่ 0 กับ 1 ซึ่งซอฟต์แวร์ทุกอย่างล้วนถูกประกอบขึ้นมาจากเลขสองตัวนี้ ส่วนโลกแห่งความเป็นจริง อะตอมเป็นหน่วยที่เล็กที่สุด ทุกสิ่งบนโลกล้วนถูกประกอบขึ้นมาจากอะตอม ดังนั้นเมื่อเอาทั้งบิตและอะตอมมารวมกัน ก็จะเป็นโลกของ Uber ที่ทุกคนสามารถพบได้ที่ไหนก็ได้เช่นเดียวกับบิตและอะตอม

สัญลักษณ์ใหม่ของ อูเบอร์ ที่พึ่งเปลี่ยนจากอักษรตัว U เป็น “บิต” หรือ “อะตอม” ซึ่งในทางเทคโนโลยี บิต คือหน่วยที่เล็กที่สุด และในความเป็นจริง อะตอม ก็เป็นหน่อยที่เล็กที่สุดเช่นกัน เมื่อนำสองอย่างมารวมกัน คุณก็สามารถพบที่ไหนก็ได้เหมือนกับบิตและอะตอม

10. Pinterest

หากคุณสังเกตดีๆ จะพบบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในโลโก้ของ Pinterest โซเชียลเน็ตเวิร์ค ที่ดูมีความเรียบง่าย แต่อักษร P ที่มีลักษณะคล้ายที่ปักกระดาษ หมายถึง Pins หรือ ปัก  ไว้บนโลกออนไลน์นั่นเอง

11. Metro Goldwyn Mayer (MGM)

โลโก้สิงโตเห่า ที่เป็นกระแสบนโลกออนไลน์ ซึ่งไม่ใช่ภาพตัดต่ออย่างที่คิด แต่มันเป็นโลโก้ที่ทางสตูดิโอใช้สิงโตแตกต่างกันมากถึง 7 ตัว โดยทุกตัวผ่านการฝึกให้เชื่องและสามารถคำรามต่อหน้ากล้องได้เป็นอย่างดี

12. Wikipedia

สัญลักษณ์ของสารานุกรมออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดอย่าง วิกิพีเดีย เป็นรูปจิ๊กซอว์บนลูกโลกที่มีหลากหลายภาษามาประกอบกันเป็นคำว่า Wikipedia ส่วนที่ยังประกอบไม่เสร็จ หมายถึง ยังคงมีการอัปเดตต่อไปอีกเรื่อยๆ

13. Pepsi

โลโก้ที่เรียบง่าย แต่มีราคามหาศาลถึง 1 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 33 ล้าน โดยนักออกแบบได้อ้างอิงตามอัตราส่วนทอง (Golden Ratio) และที่เหมาะสมในการดึงดูดสายตามนุษย์ได้ดีที่สุด

ที่มา : brightside , เรียบเรียง : Soooksan