9 สิ่งที่จะเกิดขึ้น หากมนุษย์ทุกคนบนโลกหายไปทั้งหมดตอนนี้

1233

เชื้อสายของมนุษย์ถูกแยกออกจากบรรพบุรุษ อย่างชิมแพนซีเป็นสิ่งมีชีวิตสุดท้ายที่ใกล้ชิดมนุษย์ที่สุดเมื่อราว 5 ล้านปีที่แล้วในแอฟริกา จากนั้นจึงวิวัฒนาการมาเป็นออสตราโลพิเธซีน และสุดท้ายเป็นสกุลโฮโม ซึ่งถือกำเนิดมาประมาณ 2 แสนปีที่แล้ว และพัฒนาการเป็นโฮโมเซเปียน ถือเป็นบรรพบุรุษสายตรงของมนุษย์จนถึงปัจจุบันมนุษย์บนโลกมีจำนวนสูงกว่า 7 พันล้านคนและคงไม่มีใครคิดว่ามนุษย์จะสูญหายไปจากโลกทั้งหมด

วันนี้เราจะขอชวนทุกท่านมาลองคิดกันเล่นๆ ว่าถ้าวันหนึ่งมนุษย์ทุกคนหายไปจากโลก จนไม่เหลือใครเลย โลกของเราใบนี้จะเป็นเช่นไร ลองไปชมกัน

1. หลังจากไม่กี่ชั่วโมง

หากมนุษย์หายไปหมดโลก ผลกระทบแรกที่จะเกิดก็คือ ในไม่กี่ชั่วโมงไฟฟ้าทั้งหมดจะดับลง เนื่องจากสถานีไฟฟ้าทั่วโลกจะทำงานโดยเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ (เชื้อเพลิงที่เกิดจากกระบวนการธรรมชาติ เช่น ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ น้ำมัน) ที่ใช้แรงงานคนควบคุม สามารถใช้งานได้ในส่วนที่เป็นพลังงานจากแสงอาทิตย์และกังหันลม

2. หลังจากไม่กี่วัน

เมื่อเวลาผ่านไปไม่มีใครดูแล ภายใน 48 ชั่วโมง พลังงานจากแสงอาทิตย์และกังหันลมจะหมดลง พลังงานบนโลกทั้งหมดจะหยุดทำงาน สิ่งมีชีวิตสัตว์เลี้ยงต่างๆ จะหิวโหยและเกิดภาวะขาดน้ำ เพราะถูกขังไว้ในบ้าน อุโมงค์รถไฟใต้ดินทั้งหลายจะถูกน้ำท่วม เพราะไม่มีคนควบคุมปั๊มที่ทำให้อุโมงค์แห้ง

3. หลังจากไม่กี่สัปดาห์

สัตว์เลี้ยงก็จะตายเพราะขาดอาหารและไม่สามารถเอาชีวิตรอดจากการใช้ชีวิตข้างนอกได้ ส่วนหมาใหญ่จะอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเพื่อความอยู่รอดและออกล่าสัตว์ที่เล็กกว่า และสัตว์เลี้ยงของมนุษย์ทั้งหลายจะกลายเป็นเหยื่อทันที สัตว์ในสวนสัตว์จะตาย หรืออาจรอดและหนีกลับมากลายเป็นนักล่าอีกครั้ง

4. หลังจากไม่กี่เดือน

ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์น้ำที่คอยช่วยทำความเย็นจะเหือดแห้งไป เป็นสาเหตุให้เกิดการระเบิดขึ้น สัตว์และพืชนับล้านๆ จะตายจากมะเร็งเนื่องจากรังสีจากการระเบิด ระบบบำบัดน้ำเสียจะหยุดการทำงาน ส่งผลให้แม่น้ำและทะเลสาบเต็มไปด้วยของเสีย ระบบนิเวศทั้งหมดถูกทำลาย สารเคมีจะถูกปล่อยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ และก๊าซธรรมชาติจะทำให้เกิดไฟไหม้ไปอีกหลายวัน

5. หลังจาก 1 ปี

ผ่านไป 1 ปี ธรรมชาติจะเริ่มสร้างตัวมันเองขึ้นมาใหม่ โดยไม่จำเป็นต้องมีมนุษย์คอยควบคุม ถ้าโชคดี โลกจะฟื้นตัวขึ้นกลับมาอีกครั้งหลังเกิดระเบิดนิวเคลียร์ สารเคมี และก๊าซธรรมชาติ แต่บรรดาขยะต่างๆ เช่นพลาสติกหรือขยะอิเล็กทรอนิกส์ จะกระจัดกระจายตามทางน้ำผ่าน สถาปัตยกรรมต่างๆ เมื่อไร้การดูแลก็จะเริ่มพุพังลง ส่วนดาวเทียมหลายพันดวงจะตกลงมาจนเกิดปรากฏการณ์คล้ายฝนดาวตก

6. หลังจาก 25 ปี

พืชจะโตง่ายและใหญ่ เพราะไม่มีมนุษย์มาคอยตัดต่อพันธุกรรม พืชบนโลกนี้ก็จะเริ่มเปลี่ยนไป อาจใช้เวลากว่า 2 ทศวรรษ ที่จะเริ่มย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นของมัน ตึกและถนนจะถูกปกคลุมไปด้วยหญ้าและต้นไม้ พืชกลายเป็นแหล่งอาหารของสัตว์หลายชนิด และเมื่อไม่มีมลพิษที่เกิดจากมนุษย์ ทัศนวิสัยในเมืองต่างๆ จะมองเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น

7. หลังจาก 300 ปี

สัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์อย่างช้างจะกลายเป็นสัตว์ครองโลก เพราะไม่ถูกล่างาอีกต่อไป สัตว์ที่ติดอยู่ในสวนสัตว์บางชนิดอาจเพิ่มจำนวนในดินแดนที่ไม่ใช่บ้าน ช้างและสิงโตที่เคยมีแอฟริกาเป็นบ้าน อาจไปเร่ร่อนอยู่แถวแมนฮัตตัน โลกใต้ทะเลจะอุดมสมบูรณ์ เพราะไม่มีมนุษย์มารุกราน

8. หลังจาก 10,000 ปี

ซากเมืองรวมถึงสิ่งที่ระบุการมีอยู่ของมนุษย์จะหายไปจากโลก เหลือเพียงซากหินจากสิ่งก่อสร้างไม่กี่ก้อน ส่วนพีระมิด กำแพงเมืองจีน ภูเขารัชมอร์อาจจะยังอยู่ให้เห็นต่อไป หรืออาจเป็นสิ่งที่บอกว่าเคยมีมนุษย์อยู่บนโลกใบนี้

9. หลังจาก 50 ล้านปี

หลังจากมนุษย์หายไป 50 ล้านปี สิ่งเดียวที่จะอยู่รอด คือ พลาสติก มนุษย์ต่างดาวจากที่ไหนสักแห่งที่มาเยือนโลก และพบกับพลาสติกที่อยู่ในฟอสซิล อาจต้องใช้เวลาอีกสัก 50 ล้านปี กว่าพลาสติกเหล่านี้จะย่อยสลายไป และเหลือเพียงร่องรอยว่าครั้งหนึ่ง เคยมีมนุษย์ครอบครองโลกใบนี้อยู่

ที่มา : TheRichest , เรียบเรียง : Soooksan